สมศ. พัฒนาผู้ประเมินภายนอกเข้มวิชาการ-เทคโนโลยี

สมศ. พัฒนาผู้ประเมินภายนอกเข้มวิชาการ-เทคโนโลยี

เทคโนโลยี ดร.นันทา หงวนตัด เกลื่อนกลาด.ผู้อำนวยการที่ทำการยืนยันมาตรฐานแล้วก็ประเมินประสิทธิภาพการเล่าเรียน (สมศาสตราจารย์กล่าวมาว่า สมศาสตราจารย์เดินหน้ายกฐานะมาตรฐานผู้ประเมินด้านนอกเพื่อสร้างความเชื่อมั่นและมั่นใจให้กับโรงเรียนทั้งประเทศ โดยปรับปรุงและก็อบรมผู้ประเมินด้านนอกเกี่ยวกับการกระทำงานของผู้ประเมินด้านนอกใน หน้าที่หน้าที่หลัก ดังเช่นว่า 1.ทางวิชาการ โดยผู้ประเมินข้างนอกควรจะมีวิชาความรู้ ความรู้ความเข้าใจในเชิงวิชาการที่เกี่ยวกับการคาดคะเน สามารถกระทำประเมินรวมทั้งสะท้อนผลของการดำเนินงานของโรงเรียนด้วยความถูกต้องชัดเจน แม่น ไม่อ้อมค้อม เป็นไปตามหลักเกณฑ์การประมาณที่ สมศาสตราจารย์ระบุ รวมทั้งสามารถให้ข้อเสนอเป็นรายโรงเรียน ที่ให้กับโรงเรียนนำไปปฏิบัติได้จริง ดร.นันทากล่าว่ากล่าว 2.ทางเทคโนโลยี ซึ่งผู้ประเมินด้านนอกต้องมีความถนัดการใช้เทคโนโลยีที่ดี ปรับพฤติกรรมให้ทันกับความเคลื่อนไหวตามช่วง รวมทั้งใส่รับกับแนวทางของ สมศาสตราจารย์ สำหรับในการขับไปสู่การเป็นหน่วยงานดิจิทัล ข่าวเทคโนโลยี ซึ่งได้ปรับปรุงระบบไอทีเพื่อเกื้อหนุนการประมาณในทุกขั้นตอน ยกตัวอย่างเช่น ระบบไอทีเพื่อการวัดประสิทธิภาพด้านนอก (AQA) ระบบจัดเก็บรายงานประเมินตัวเอง (e-SAR) การพัฒนาระบบ Mobile Application (ONESQA-V) ฯลฯ แล้วก็ 3. ผู้ประเมินด้านนอกสะท้อนภาพลักษณ์ของ สมศาสตราจารย์ ในระหว่างการกระทำงาน ด้วยวิธีการทำหน้าที่เป็นกระจกสะท้อนประสิทธิภาพการจัดการเล่าเรียนและก็เป็นผู้บริจาคข้อเสนอกับโรงเรียนอย่างแม่นยำตรงประเด็น ภายใต้ ความเป็นเพื่อนแท้” รวมทั้ง ไม่สร้างภาระหน้าที่กับโรงเรียน” ด้วยเหตุว่าผู้ประเมินข้างนอกนับว่าเป็นผู้แทน สมศาสตราจารย์

แนะนำข่าวเทคโนโลยี อ่านเพิ่มเติมคลิกเลย : ไปต่อหรือพอแค่นี้ เมื่อเจ้าพ่อ AI ออกโรงเตือน AI อันตราย

ไบเดนสั่งบริษัทเทคฯ คุมเข้มความปลอดภัยเอไอ หวั่นอันตรายต่อสังคม

ไบเดนสั่งบริษัทเทคฯ คุมเข้มความปลอดภัยเอไอ หวั่นอันตรายต่อสังคม

เทคโนโลยี ประธานาธิบดีสหรัฐฯ โจ ไบเดน กล่าวในวันอังคารว่า ต้องจับตามองกันต่อไปว่าเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ หรือ เอไอ จะเป็นอันตรายมากน้อยแค่ไหน พร้อมเน้นย้ำว่าบริษัทเทคโนโลยีต่าง ๆ จะต้องแสดงความรับผิดชอบต่อการพัฒนาเอไอ ปธน.ไบเดน กล่าวต่อที่ประชุมสภาที่ปรึกษาด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีว่า ในอนาคตเอไออาจมีประโยชน์ในด้านการรักษาโรคและรับมือการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ แต่ก็เป็นเรื่องสำคัญที่ต้องบริหารจัดการความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นกับสังคม เศรษฐกิจ และความมั่นคงแห่งชาติ ผู้นำสหรัฐฯ กล่าวว่า “บริษัทเทคฯ ต่าง ๆ มีความรับผิดชอบที่ต้องรับประกันว่าผลิตภัณฑ์เอไอของพวกตนจะต้องปลอดภัยก่อนที่จะนำออกสู่สาธารณะ” และว่า สื่อสังคมออนไลน์ได้แสดงให้เห็นแล้วว่า เทคโนโลยีนั้นมีพลังอำนาจในการก่ออันตรายมากแค่ไหนหากไม่มีการป้องกันที่ถูกต้องเหมาะสม ข่าวเทคโนโลยี เห็นได้จากผลกระทบต่อสุขภาพจิต ความรู้สึกและความสิ้นหวัง โดยเฉพาะในกลุ่มคนหนุ่มสาว ปธน.ไบเดน ยังเรียกร้องอีกครั้งให้รัฐสภาสหรัฐฯ ผ่านร่างกฎหมายที่จำกัดการเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลโดยบริษัทเทคโนโลยีต่าง ๆ รวมทั้งการห้ามสื่อโฆษณาที่มุ่งเป้าไปที่เด็กและเยาวชน และการพัฒนาผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ โดยให้ความสำคัญต่อสุขภาพและความปลอดภัยเป็นหลัก ราคาหุ้นของบริษัทพัฒนาด้านเอไอหลายแห่งปรับตัวลดลงในวันอังคารก่อนการประชุมดังกล่าว เช่น หุ้นของบริษัทซอฟ์แวร์ปัญญาประดิษฐ์ C3.ai ร่วงลงไป 24% ขณะที่หุ้นของบริษัทความปลอดภัยทางไซเบอร์จากประเทศไทย

แนะนำข่าวเทคโนโลยี อ่านเพิ่มเติมคลิกเลย : ‘เทสลา’ เผยแผนสร้างโรงงานผลิตแบตเตอรียักษ์ในเซี่ยงไฮ้

“การ์ทเนอร์” คาดยอดส่งมอบมือถือ-พีซีทั่วโลกร่วงต่อเนื่องในปีนี้

การ์ทเนอร์ ซึ่งเป็นบริษัทวิจัยระดับโลกเปิดเผยคาดการณ์วันนี้ (31 ม.ค.) ว่า ยอดจัดส่งคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล (พีซี) และโทรศัพท์มือถือทั่วโลกจะหดตัวลงเป็นปีที่ 2 ติดต่อกันในปี 2566 ด้วยยอดส่งมอบมือถือที่ต่ำที่สุดในรอบ 10 ปี

ข่าวเทคโนโลยี  ทั้งนี้ การ์ทเนอร์ระบุว่า ยอดจัดส่งโทรศัพท์มือถือมีแนวโน้มว่าจะร่วงลง 4% สู่ระดับ 1.34 พันล้านเครื่องในปี 2566 ลดลงจาก 1.40 พันล้านเครื่องในปี 2565 และจาก 1.43 พันล้านเครื่องในปี 2564 คาดการณ์ยอดส่งมอบดังกล่าวเกือบเทียบเท่ายอดส่งมอบในปี 2552 ซึ่งเป็นช่วงที่โทรศัพท์มือถือแบล็คเบอร์รี (Blackberry) และโนเกีย (Nokia) กำลังเป็นผู้นำตลาด ในขณะที่แอปเปิ้ลพยายามที่จะช่วงชิงส่วนแบ่งตลาด ขณะที่ ตลาดโทรศัพท์มือถือแตะจุดสูงสุดในปี 2558 ซึ่งเวลานั้นมีการส่งมอบอยู่ที่ 1.9 พันล้านเครื่อง

พีซีทั่วโลกร่วง 22

นายรันจิต อัตวาล ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยของการ์ทเนอร์ให้สัมภาษณ์ว่า การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19

ข่าวเทคโนโลยี นำไปสู่การเปลี่ยนแปลงพื้นฐานการใช้ชีวิต โดยผู้คนจำนวนมากทำงานจากที่บ้านจึงไม่รู้สึกถึงความจำเป็นที่จะต้องเปลี่ยนโทรศัพท์บ่อย ๆ นอกจากนี้ การ์ทเนอร์คาดการณ์ว่า ยอดจัดส่งคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล (พีซี) มีแนวโน้มลดลง 6.8% ในปีนี้ หลังจากลดลง 16% ในปี 2565 โดยมีเลอโนโว เอชพี และเดลขึ้นแท่นเป็นผู้ผลิตพีซีรายใหญ่ 3 อันดับแรก

แนะนำข่าวเทคโนโลยี อ่านเพิ่มเติมคลิ๊กเลย : โปรลดแรง 2.2 Double Sale ช้อป HUAWEI WATCH GT 3 Elegant Edition ที่ Lazada ราคาต่ำสุดเพียง 4,600 บาท แถมสินค้าลดอีกมากมาย รีบกดใส่ตระกร้าด่วนเลย

สภาทนายฯก้าวยุคไอที มุ่งช่วยเหลือคนยากไร้

สภาทนายฯก้าวยุคไอที มุ่งช่วยเหลือคนยากไร้

เทคโนโลยี สภาทนายความในพระบรมราชูปถัมภ์ ในปีพ.ศ.2566 มี ดร.วิเชียร ชุปไธสง เป็นนายกฯ นายสุนทร พยัคฆ์ เป็นเลขาธิการฯ และนายวีรศักดิ์ โชติวานิช เป็นอุปนายกฝ่ายเทคโนโลยีและสารสนเทศ พร้อมทีมงานทนายความที่มาจากการเลือกตั้งของสมาชิก เป็นหนึ่งในองค์กรที่มุ่งมั่นพัฒนาน้าเทคโนโลยีสมัยใหม่มาใช้ในการบริหารจัดการองค์กร และระบบข้อมูลข่าวสารทางอิเล็กทรอนิกส์ เป้าหมายหลักการพลิกโฉมของสภาทนายความฯสู่ระบบดิจิทัล เป็นนโยบายและภารกิจหลักขององค์กร ภายใต้การบริหารงานของ ดร.วิเชียร ชุบไธสง นายกสภาทนายความฯ ที่ต้องการปรับปรุงและพัฒนาระบบเทคโนโลยีและสารสนเทศอย่างเร่งด่วน โดยนำเทคโนโลยีระบบ Digital และ Blockchain มาใช้ในการทำธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ เพื่อให้บริการทนายความและเพิ่มช่องทางการจัดทำใบอนุญาตให้เป็นทนายความแบบอิเล็ก ทรอนิกส์ เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับสมาชิกทั่วประเทศ โดยไม่ต้องเสียเวลาและค่าใช้จ่ายในการเดินทางมายื่นเอกสารด้วยตนเอง มีการใช้ระบบลายมือชื่อดิจิทัล ก้ากับในธุรกรรมออนไลน์เต็มรูปแบบ ทำให้ธุรกรรมและข้อมูลดิจิทัลที่เกิดขึ้นมีผลเป็นต้นฉบับตามกฎหมาย สามารถตรวจสอบเพื่อยืนยันใบอนุญาตให้เป็นทนายความได้ทันทีด้วยข้อมูลปัจจุบัน ซึ่งประชาชนทั่วไปสามารถตรวจสอบสถานภาพ ทนายความเบื้องต้นผ่านเว็บไซต์สภาทนายความ ป้องกันการแอบอ้างเป็นทนายความได้ หลังเกิดข่าวครึกโครม “คดีทนายไก่หมุน” กลายเป็นประเด็นสะเทือนวงการวิชาชีพทนายความ และกระบวน การยุติธรรม การจัดทำใบอนุญาตทนายความอิเล็กทรอนิกส์ ข่าวเทคโนโลยี จึงถูกหยิบมาเป็นเครื่องมือในการป้องกันทนายความปลอม ดร.วิเชียร กล่าวว่า เมื่อตนเข้ามาบริหารงานในสภาทนาย ความได้มีการตั้งคณะทำงานขึ้นมา เพื่อจัดทำระบบอิเล็ก ทรอนิกส์ โดยพัฒนาและติดตั้งระบบใบอนุญาตทนายความบนแพลตฟอร์ม Blockchain เพื่อใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูลในการที่จะสร้างบรรทัดฐานข้อมูลใหม่ ข้อมูลตรงนี้จะเป็นข้อมูลเบื้องต้นเกี่ยวกับสถานะทนายความของสมาชิกทนายความทั้งหมดที่มีถึง 80, 000 กว่าคน เพื่อป้องกันปัญหาการแอบอ้างเป็นทนายความ โดยในอนาคตจะมีการเชื่อมโยงข้อมูลกับศาลยุติธรรม เพื่อให้ตรวจสอบสถานะว่าทนายความคนนั้นๆ ถูกพักใบอนุญาต ถูกลบชื่อหรือเป็นทนาย ความจริงหรือไม่ ขณะนี้ระบบงานนี้เสร็จลุล่วงแล้ว จะมีทดสอบการใช้งานช่วงก่อนปีใหม่

แนะนำข่าวเทคโนโลยี อ่านเพิ่มเติมคลิกเลย : เทคโนโลยีสีเขียวที่พยายามฉายความน่าสนใจ

ขาดแคลนคน โรงแรมดังในสหรัฐฯ เริ่มใช้หุ่นยนต์แทนพนักงาน

ขาดแคลนคน โรงแรมดังในสหรัฐฯ เริ่มใช้หุ่นยนต์แทนพนักงาน

เทคโนโลยี อีกไม่กี่วันก็จะเข้าสู่ปีใหม่ พร้อมกับโอกาสใหม่ ๆ ที่อาจจะเกิดขึ้นในปีหน้านี้แล้ว แต่ไม่ใช่โอกาสเฉพาะมนุษย์เท่านั้น รายงานเผยโรงแรมจากหลาย ๆ ที่ในสหรัฐฯ เริ่มใช้หุ่นยนต์กันมากขึ้น หลังขาดแคลนคนมาทำงาน นับตั้งแต่ช่วงที่เกิดการระบาดครั้งใหญ่ The Garden City Hotel โรงแรงใหญ่ในนครนิวยอร์ก เผยได้ลงทุนซื้อหุ่นยนต์ดูดฝุ่นระดับอุตสาหกรรม ในราคาต่อหนึ่งตัวกว่า 1 ล้านบาท และให้รับงานดูดฝุ่นในแต่ละชั้น ซึ่งช่วยลดภาระการทำงานได้มาก และยังดูแลโดยแค่เปลี่ยนถุงเก็บฝุ่นและหมั่นชาร์จไฟเพียงเท่านั้น มีข้อมูลน่าสนใจด้วยว่า นับตั้งแต่ช่วงเดือนกุมภาพันธ์ 2020 ที่ผ่านมา มีจำนวนพนักงานในโรงแรมน้อยลงกว่า 350,000 คน ทำให้ขาดคนมาคอยดูแลแขกหรือลูกค้าที่มาพัก โดยเฉพาะในปัจจุบัน ที่เริ่มมีลูกค้าเข้ามาใช้บริการกันมากขึ้นแล้ว แม้จะมีโรงแรมได้ขึ้นค่าจ้างถึง 25% (บางที่ขึ้นถึง 60%) แต่ก็ยังยากที่จะเรียกคนกลับมาทำงาน โดยทาง The Garden City Hotel ก็มีตำแหน่งพนักงานที่ว่างอยู่ถึง 20% ซึ่งเป็นอะไรที่ทางผู้บริหารโรงแรมที่อยู่มานาน ก็ยังไม่เคยเห็นปรากฏการณ์นี้มาก่อนเลยด้วย ข่าวเทคโนโลยี จากเหตุดังกล่าว หลาย ๆ โรงแรงจึงเริ่มมีการนำหุ่นยนต์หรือระบบอัตโนมัติ เข้ามาใช้แทนที่มนุษย์ที่ขาดหายไปมากขึ้น เช่น กลอนประตูอัตโนมัติ หรือ ตู้ Check-in อัตโนมัติ เพื่อรับลูกค้าที่อาจเพิ่มมากขึ้นในปี 2023 เร็ว ๆ นี้ [ก่อนเกิดโรคระบาด มีคนเดินเข้ามาขอสมัครงานเป็นว่าเล่น แต่ปัจจุบันกลับไม่มีใครเลย] เจ้าของโรงแรม Deepak ที่ขึ้นค่าจ้าง 60% กล่าว จนสุดท้ายต้องขอให้ลูกสาวเข้ามาช่วยงานหลังเลิกเรียน

แนะนำข่าวเทคโนโลยี อ่านเพิ่มเติมคลิกเลย : กลุ่มทรู โชว์ความพร้อมในงาน “MIT Media Lab Southeast Asia Forum”

ไม่อยากตกขบวน

ไม่อยากตกขบวน

เทคโนโลยี ปฏิเสธไม่ได้ว่าอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ช่วยอำนวยความสะดวกในชีวิตประจำวันจนเป็นเหมือนแขน-ขา อวัยวะสำคัญในร่างกาย หากขาดไปก็คงอยู่อย่างลำบาก ดังนั้น การขาดแคลน “ชิป” หรือ “เซมิคอนดักเตอร์” ที่เปรียบเสมือน “มันสมอง” ทำงานร่วมกับวัสดุอื่นๆในอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ ไม่ว่าจะเกิดจากการระบาดใหญ่ของโควิด-19 ปัญหาด้านห่วงโซ่อุปทาน หรือข้อพิพาทระหว่างประเทศ ที่ยังไม่มีสัญญาณของการฟื้นตัวในเวลาอันใกล้ จึงทำให้โลกปั่นป่วน ที่ญี่ปุ่นบริษัทชั้นนำ 8 แห่ง ได้แก่ โซนี่ ซอฟต์แบงก์ โตโยต้า มอเตอร์ เอ็นทีที ยักษ์ใหญ่ด้านโทรคมนาคม เอ็นอีซี เดนโซ่ คอร์ป และคีอ็อกเซีย บริษัทผู้ผลิตชิป ร่วมขันลงทุนรายละ 1,000 ล้านเยน หรือราว 255 ล้านบาท โดยมีธนาคารเอ็มยูเอฟจี สถาบันการเงินใหญ่สุดของญี่ปุ่น ลงเงินอีก 300 ล้านเยน หรือราว 76 ล้านบาท เพื่อเปิดบริษัทใหม่ “Rapidus” เพื่อวิจัยและพัฒนาชิปรุ่นใหม่ขนาดจิ๋ว 2 นาโนเมตร สามารถนำไปใช้กับเทคโนโลยี 5G ควอนตัมคอมพิวเตอร์ ฐานข้อมูลขนาดใหญ่ ยานพาหนะไร้คนขับ และเมืองดิจิทัลอัจฉริยะ เชื่อว่าสำคัญต่อความมั่นคงทางเศรษฐกิจและความสามารถในการแข่งขันทางอุตสาหกรรมของญี่ปุ่นและยังตั้งเป้าเริ่มการผลิตภายในปี 2570 นอกจากภาคเอกชนร่วมมือร่วมใจกันแล้ว ในส่วนของรัฐบาลญี่ปุ่นที่เล็งเห็นว่าเซมิคอนดักเตอร์มีบทบาทสำคัญ ช่วยพัฒนานวัตกรรมเทคโนโลยีหลากหลายไม่ว่าจะเป็นปัญญาประดิษฐ์ เทคโนโลยีควอนตัม ข่าวเทคโนโลยี อุตสาหกรรมดิจิทัล และเทคโนโลยีด้านสุขภาพ ยังมีอิทธิพลต่อการเปลี่ยนผ่านสู่ “สังคมดิจิทัล” และช่วยลดการปล่อยคาร์บอนอีกด้วย จึงจัดสรรงบประมาณเตรียมให้เงินอุดหนุนแก่ Rapidus เป็นเงิน 70,000 ล้านเยน (หรือราว 17,870 ล้านบาท) เพื่อให้ญี่ปุ่นสามารถผลิตชิปได้เอง ลดการพึ่งพาต่างชาติ ขณะเดียวกันยังจะจัดตั้งองค์กร Leading-edge Semiconductor Technology Center ภายในสิ้นปีนี้ โดยร่วมมือกับสหรัฐฯ เพื่อให้เป็นแพลตฟอร์มสำหรับการวิจัยและพัฒนาเซมิคอนดักเตอร์รุ่นต่อไป ก่อนหน้านี้ญี่ปุ่นเคยเป็นผู้นำการคิดค้นประดิษฐ์เทคโนโลยีที่ล้ำหน้า โดยเฉพาะเซมิคอนดักเตอร์ในช่วงทศวรรษ 1980 แต่ปัจจุบันกลับไล่ตามผู้ผลิตอย่างไต้หวันเกาหลีใต้ไม่ทัน ซึ่งปัจจุบันเป็นผู้นำในตลาดโลก ความเคลื่อนไหวดังกล่าวจึงถือเป็นความมุ่งมั่นพยายามอย่างไม่ย่อท้อของญี่ปุ่น ก็ต้องคอยลุ้นว่าจะถึงฝั่งดังใจหวังเมื่อไร

แนะนำข่าวเทคโนโลยี อ่านเพิ่มเติมคลิกเลย : ใครว่า คนสูงวัย ไม่ถนัดใช้ ดิจิทัล

มหาอำนาจด้านเทคโนโลยี

สมใจท่านผู้นำเขาล่ะ ได้ปูพรมแดงสู่การครองอำนาจไปชั่วชีวิต เมื่อ “สีจิ้นผิง” วัย 69 ปี ได้รับเลือกจากที่ประชุมสมัชชาใหญ่พรรคคอมมิวนิสต์จีน ครั้งที่ 20 ให้ขึ้นเป็นประธานาธิบดีจีนและเลขาธิการพรรคคอมมิวนิสต์สมัยที่สามอย่างเป็นทางการ ต่ออายุยาวๆจาก 10 ปี เป็น 15 ปี

ข่าวเทคโนโลยี ถ้าไม่นับเรื่องผูกขาดการสืบทอดอำนาจจนเกินงาม โดยอ้างว่ายังมีภาระหน้าที่ต้องทำเพื่อชาติ เพื่อแผ่นดิน ประชาชนคนจีนเกินครึ่งค่อนประเทศต่างก็ชื่นชอบในนโยบายเศรษฐกิจจีนยุคใหม่ของ “ประธานาธิบดีสีจิ้นผิง” ที่มุ่งเน้น “การสร้างความเจริญรุ่งเรืองร่วมกัน” กระจายความมั่งคั่งให้ประชาชนทุกคนไปพร้อมๆกัน ไม่ปล่อยให้ความรวยกระจุกตัวอยู่ในคนกลุ่มน้อย เหล่าเศรษฐีและนักธุรกิจยังถูกกระตุกให้ต้องตอบแทนสังคมมากขึ้น เพื่อช่วยกันยกระดับคุณภาพชีวิตของคนในชาติ ขยายฐานชนชั้นกลางให้มากขึ้น อันเป็นส่วนหนึ่งของเป้าหมายใหญ่คือ ขจัดความยากจนให้หมดจากประเทศแม้จะไม่ถูกใจเหล่ามหาเศรษฐีและนักธุรกิจใหญ่ๆที่ถูกเตะสกัดขาให้เพลาๆลงบ้างในเรื่องกินรวบผูกขาดความรวยไว้ในมือ แต่ถ้าขจัดความจนได้จริงโดยไม่มีวาระซ่อนเร้นคงได้รับการแซ่ซ้องไปทั้งโลก เพราะทุกวันนี้ความเหลื่อมล้ำทางชนชั้นกำลังเป็นปัญหาใหญ่ที่สร้างความแตกแยกให้สังคมทั่วทุกมุมโลก ที่น่ากลัวกว่านั้นคือ “ความเหลื่อมล้ำข้ามรุ่น” ที่ถูกส่งต่อไปยังรุ่นลูกรุ่นหลานแบบไม่มีวันสิ้นสุด เรียกว่าถ้าเกิดมาในครอบครัวจนๆก็หมดสิทธิ์จะลืมตาอ้าปากได้ ต้องทนอยู่อย่างสิ้นหวัง หรือไม่ก็ย้ายประเทศซะ เพื่อแสวงหาโอกาสใหม่ๆพลิกชีวิตในสุนทรพจน์ใหญ่ครั้งล่าสุดกับการแถลงผลงานในรอบ 10 ปีที่ผ่านมา เพื่อสร้างความชอบธรรมสู่การต่ออายุผู้นำสูงสุดของจีนเป็นสมัยที่สาม

มหาอำนาจด้านเทคโนโลยี

“ประธานาธิบดีสีจิ้นผิง” มุ่งไปที่การรักษาสมดุลระหว่างความมั่นคงกับเศรษฐกิจของประเทศ ตลอดจนการสานต่อนโยบายต่างๆที่ประกาศไว้ โดยย้ำว่าจะเน้นคุณภาพมากกว่าปริมาณ

ข่าวเทคโนโลยี กระนั้น นโยบายแข็งกร้าวหลายอย่างที่เคยประกาศไว้อย่างดุดันก่อนหน้านี้ กลับไม่ถูกพูดถึงในครั้งนี้ ไม่ว่าจะเป็น การประกาศกร้าวว่า “บ้านมีไว้อยู่ ไม่ได้มีไว้ปั่น” เพื่อสกัดความร้อนแรงจากการเก็งกำไรของภาคธุรกิจอสังหาฯ หรือน้ำเสียง ดุดันที่ขู่ไต้หวันว่า “ปัญหาไต้หวันไม่สามารถปล่อยไว้โดยไม่มีบทสรุป” เช่นเดียวกับที่เคยประกาศชัดว่าสหรัฐฯเป็นภัยคุกคามของจีน ในสุนทรพจน์ครั้งนี้ก็ไม่มีการกล่าวถึงศัตรูตัวเอ้ อย่างเปิดเผยอ่านสัญญาณบ่งชี้ได้เป็นนัยว่า อนาคตจีนภายใต้ยุคที่สามของ “สีจิ้นผิง” จะลดดีกรีความตึงเครียดลงและหันมาเน้นการปลุกระดมความสามัคคีของคนในชาติ เพื่อร่วมกัน “ต่อสู้ฟันฝ่า” อุปสรรคขวากหนามและความท้าทายใหม่ๆจากรอบทิศทาง โดยเป้าใหญ่ที่เน้นที่สุดคือ จีนต้องการพึ่งพาตัวเองให้ได้ในเรื่องเทคโนโลยี โดยพร้อมทุ่มสรรพกำลังเพื่อพัฒนาเทคโนโลยีเชิงยุทธศาสตร์ให้ก้าวล้ำทันสมัย ไม่น่าแปลกใจที่ทีมงานชุดใหม่ของประธานาธิบดีจีนจะเต็มไปด้วยนักวิทยาศาสตร์และวิศวกรการบินระดับหัวกะทิจับตาให้ดีว่า ภายใน 5 ปีนับจากนี้ จีนจะผงาดขึ้นเป็นมหาอำนาจด้านเทคโนโลยีของโลกสำเร็จหรือไม่ แต่ที่แน่ๆอเมริกาคงขวางจนถึงที่สุด

แนะนำข่าวเทคโนโลยี อ่านเพิ่มเติมคลิ๊กเลย : สิงคโปร์ยังคาใจประโยชน์ “มือถือ” ส่วนไทยตัวท็อปรัก “มือถือ” ล้นหัวใจ

“หัวจื้อปิง” นักศึกษา AI จำลองใช้ชีวิตในมหาวิทยาลัยจีน

“ผู้รายงานข่าว AI” หรือ “เน็ตไอดอล AI” กันมาบ้าง ซึ่งผู้คนเหล่านั้นไม่ใช่คนจริงๆแต่ว่าเป็นเพียงแต่ข้อมูลที่ถูกประเมินผลขึ้นมา

พวกเราบางทีก็อาจจะเคยได้เห็นข่าวสารการผลิต “ผู้รายงานข่าว AI” หรือ “เน็ตไอดอล AI” กันมาบ้าง ซึ่งเขาเหล่านั้นไม่ใช่คนจริงๆแต่ว่าเป็นเพียงแค่ข้อมูลที่ถูกประเมินผลขึ้นมา เค้าหน้าก็ถูกผลิตขึ้น ส่วนชุดความนึกคิด ก็มีสาเหตุจากการประมวลผลรวมทั้งศึกษาให้ปฏิบัติภารกิจต่างๆพวกนั้น เป็นต้นว่า AI คนประกาศข่าว ก็จะถูกสอนให้อ่าน แล้วก็ทำความเข้าใจรายละเอียด จนถึงสามารถมากล่าวกระจายเสียงได้ไม่มีความแตกต่างจากคนจริงๆเท่าไรนัก แม้กระนั้นปัจจุบัน แอคเคาท์โซเชียลของจีนได้เปิดตัว “นิสิต AI” ขึ้นมา เพื่อเลียนแบบปัญญาประดิษฐ์ให้มาดำเนินชีวิตราวกับนิสิตมหาวิทยาลัยทุกสิ่ง ที่คุณมองเห็นอยู่นี่เป็น “หัวจื้อปิง” คุณเป็นนิสิตเสมอเหมือนจริง ที่เพิ่งลงเรียนสาขาวิชาวิทยาการคอมพิวเตอร์ มหาวิทยาลัยชิงหัว รวมทั้งฝึกเล่นเว่ยโป๋ (แพลตฟอร์มเหมือนทวิตเตอร์ในจีน) ความเป็นตัวคนของคุณทั้งปวง ถูกผลิตขึ้นมาโดยระบบ AI ที่ชื่อว่า “อู้เต้า 2.0” ตั้งแต่รูปพรรณสัณฐาน เสียง ขั้นตอนการคิดของคุณซึ่งเปลี่ยนมาเป็นเสมือนคนหนึ่งคน

เทคโนโลยี4-10-65

คุณได้รับ “หน้าที่” ให้เป็นนิสิตคนหนึ่ง พร้อมทั้งมีบัญชีเว่ยโป๋ ไว้สำหรับอัปเดตเรื่องราวชีวิตของคุณ ระหว่างการเริ่มเรียนมหาวิทยาลัยไปจนถึงสำเร็จการศึกษา (แล้วก็บางทีก็อาจจะดำรงชีวิตไปต่อจากนั้น) ซึ่งทุกสิ่งทุกอย่างที่จะอัปเดตลงบนแอคเคาท์ ไม่ว่าจะเป็นโพสต์ การเล่าเรื่อง บทความ หรือภาพวาดที่คุณจะอัปโหลดขึ้นไปนั้น ล้วนแต่มาจากการประมวลผลของระบบทั้งนั้น ทางผู้พัฒนาพูดว่า คุณจะสามารถทำความเข้าใจได้เร็วกว่ามนุษย์ทั่วๆไปหลายเท่า ดังเช่นว่า ถ้าเกิดขณะนี้มีความเข้าใจระดับเด็ก 6 ขวบ ผ่านไปเพียงแค่อีกปีเดียว คุณจะมีความรู้ความสามารถพอๆกับเด็ก 12 ขวบแล้ว แต่ AI ดังที่ได้กล่าวมาแล้วข้างต้นก็ยังมีจุดบกพร่อง ด้วยเหตุว่าแม้ว่าจะศึกษาความสามารถทางวิชาการได้อย่างเร็ว แม้กระนั้นยังไม่สามารถที่จะรู้เรื่องอารมณ์ได้ชนิดเดียวกับมนุษย์ ผู้พัฒนาหวังว่าจะสามารถทำความเข้าใจความชำนาญทางด้านวิชาการจนกระทั่งชำนิชำนาญ หลังจากนั้นค่อยให้ฝึกหัดทำความเข้าใจด้านเหตุผล รวมทั้งเรื่องความเกี่ยวข้องด้านอารมณ์เป็นลำดับต่อไป ซึ่งโน่นจะไม่เหมือนกับมนุษย์ ที่เบาๆปรับปรุงความสามารถด้านพวกนี้ไปพร้อมๆกับการเจริญเติบโตขึ้นนั่นเอง