“ผ้าไทยใส่ได้ทุก GEN” โชว์ความงามผ้าไทย สวย เท่ มีสไตล์ เหมาะทุกเจนเนอเรชั่น

“ผ้าไทยใส่ได้ทุก GEN” โชว์ความงามผ้าไทย สวย เท่ มีสไตล์ เหมาะทุกเจนเนอเรชั่น

 ออกแบบ ลบความคิดการจำกัดวงของผู้สวมใส่ “ผ้าไทย” เหมาะสำหรับคนสูงวัยเท่านั้น ศูนย์ส่งเสริมศิลปาชีพระหว่างประเทศ (องค์การมหาชน) หรือ SACICT ได้จัดงานประกาศผลและพิธีมอบรางวัล โครงการประกวดผลงานศิลปหัตถกรรมเชิงสร้างสรรค์ (SACICT AWARD 2020) ในหัวข้อ “ผ้าไทยใส่ได้ทุก GEN” โดยผ่านไอเดียของนักออกแบบหรือดีไซเนอร์รุ่นใหม่ เพื่อปลุกกระแสการนำผ้าไทยมาสวมใส่ในชีวิตประจำวันด้วยความรู้สึกภาคภูมิใจ ซึ่งการจัดงานครั้งนี้ ถือเป็นครั้งแรกในประเทศไทยที่จัดประกวดครบ 5 ประเภท ทั้งประเภทชุด Baby Boomer, Generation X, Generation Y, Generation Z และ Finale ชิงเงินสนับสนุนและเงินรางวัล รวมมูลค่า 700,000 บาท การจัดงานครั้งนี้มีผู้ส่งผลงานเข้าประกวดจากทั่วประเทศกว่า 300 ผลงาน ผ่านการคัดเลือกผลงานภาพสเกตช์จากคณะกรรมการประเภทละ 10 ผลงาน เพื่อสร้างสรรค์ผลงานชุดผ้าไทยครองใจคนในแต่ละเจเนอเรชั่น มาโชว์ในรอบชิงชนะเลิศบนเวทีการประกวดและผลงานที่ได้รับรางวัลชนะเลิศ ประเภทชุด Baby Boomer ได้แก่ ผลงานชื่อ “ยอดดอย (YOD DOI)” จากฝีมือการออกแบบของวารินทร์ อินทะยศ, ประเภทชุด Generation X ได้แก่ “ผีตาโขน (PHI TA KHON)” โดยไอสยา โอวาท, ประเภทชุด Generation Y ได้แก่ “ช่วงเวลาแห่งการพักผ่อน (Holiday)” โดยนัทธพงศ์ คงรักษ์, ประเภทชุด Generation Z ได้แก่ “BIKER GIRL” โดยสุทธิดา ทิพย์เนตร และขจรพงศ์ ชุมวงศ์ และประเภทชุด Finale ได้แก่ “ความเจิดจรัส (INCANDESCENCE)”  ข่าวออกแบบ  จากผลงานการออกแบบดีไซน์ของ นัทธพงศ์ คงรักษ์ ทั้งนี้ นายพรพล เอกอรรถพร ผอ.SACICT กล่าวว่า การประกวดผ้าไทยใส่ได้ทุก GEN ถือเป็นก้าวแรกในการเชื่อมโยงนักออกแบบรุ่นใหม่กับผ้าไทยที่จะจุดประกายให้คนไทยหันมาสวมใส่ผ้าไทยมากขึ้น และจะเป็นก้าวต่อไปที่สำคัญสำหรับการยกระดับแฟชั่นจากผ้าไทยให้มีความร่วมสมัยและสามารถสวมใส่ได้ในทุกเจเนอเรชั่น โดยมั่นใจว่าทุกผลงานจากการประกวดที่นำมาจัดแสดงแฟชั่นโชว์ในครั้งนี้ จะกระตุ้นและจุดประกายคนรุ่นใหม่ได้เห็นถึงความงดงามของผ้าไทย และหยิบจับผ้าไทยมาผสมผสานไอเดียเป็นเสื้อผ้าหลากหลายสไตล์ นำเสื้อผ้าแฟชั่นจากผ้าไทยมาสวมใส่ได้จริงในชีวิตประจำวัน รวมถึงการต่อยอดพัฒนาเสื้อผ้าแฟชั่นจากผ้าไทยในระดับสากลต่อไป

แนะนำข่าวออกแบบ อ่านเพิ่มเติมคลิกเลย : Qurated X ICONCRAFT สานฝันนักออกแบบไทยสู่เวทีโลก

การออกแบบเรขภาพข่าวสำหรับการสื่อสารสาธารณสุขในช่วงวิกฤตโควิด-19 ของสำนักงานประชาสัมพันธ์กรุงเทพมหานคร

การศึกษาวิจัยครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) สังเคราะห์องค์ประกอบทัศนธาตุที่ปรากฏในเรขภาพข่าวของสำนักงานประชาสัมพันธ์กรุงเทพมหานคร 2) สังเคราะห์วาระการสื่อสารสาธารณสุข

ข่าวออกแบบ โดยใช้เรขภาพข่าวในช่วงวิกฤตโควิด-19 และ 3) ศึกษาการออกแบบเรขภาพข่าวของสำนักงานประชาสัมพันธ์กรุงเทพมหานคร โดยเป็นการวิจัยเชิงผสมผสานที่ใช้วิธีการวิเคราะห์ตัวบทในเรขภาพข่าว จำนวนทั้งสิ้น 26 เรื่องผลการวิจัยพบว่า องค์ประกอบทัศนธาตุที่ปรากฏในเรขภาพข่าวของสำนักงานประชาสัมพันธ์กรุงเทพมหานคร ประกอบด้วยทัศนธาตุ 3 ด้าน คือ 1) ทัศนธาตุด้านข้อมูล ได้แก่ ข้อความ ตัวอักษรและตัวเลข 2) ทัศนธาตุด้านภาพ ได้แก่ ภาพถ่าย การ์ตูน แผนภูมิภาพ สัญรูปและเรขาคณิต และ 3) ทัศนธาตุด้านโทนสี ได้แก่ สีโทนร้อนและสีโทนเย็น

เรขภาพ 8

สำหรับวาระการสื่อสารทางสาธารณสุขโดยใช้เรขภาพข่าวในช่วงวิกฤตโควิด-19

ข่าวออกแบบ  พบว่า ประกอบด้วย 5 วาระ ได้แก่ 1) วาระการสื่อสารเพื่อให้ข้อมูลข่าวสารทั่วไป 2) วาระการสื่อสารเพื่อส่งเสริมให้รับรู้ปัจจัยเสี่ยง 3) วาระการสื่อสารเพื่อสร้างความตระหนักทางสังคม 4) วาระการสื่อสารเพื่อส่งเสริมให้เกิดการมีส่วนร่วมของประชาชน 5) วาระการสื่อสารเพื่อเปิดรับข้อมูลความคิดเห็นย้อนกลับ นอกจากนี้พบว่า การออกแบบเรขภาพข่าวของสำนักงานประชาสัมพันธ์กรุงเทพมหานคร ประกอบด้วย 1) วัตถุประสงค์ 2) กลุ่มเป้าหมาย 3) เนื้อหาที่สื่อสาร และ 4) ช่องทางการนำเสนอ 1. เนื้อหาและข้อมูลในบทความที่ลงตีพิมพ์ในวารสารวิชาการมหาวิทยาลัยราชภัฏศรีสะเกษ ถือเป็นข้อคิดเห็นและความรับผิดชอบของผู้เขียนบทความโดยตรง ซึ่งกองบรรณาธิการวารสาร ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย หรือร่วมรับผิดชอบใด ๆ 2. บทความ ข้อมูล เนื้อหา รูปภาพ ฯลฯ ที่ได้รับการตีพิมพ์ในวารสารวิชาการมหาวิทยาลัยราชภัฏศรีสะเกษ กองบรรณาธิการไม่สงวนสิทธิ์ในการคัดลอกบทความเพื่อการศึกษา แต่ให้อ้างอิงแหล่งที่มาให้ครบถ้วนสมบูรณ์

แนะนำข่าวออกแบบ  อ่านเพิ่มเติมคลิ๊กเลย : ศิลปะการออกแบบและเทคโนโลยี มทร.ธัญบุรี แสดงผลงานศิลปนิพนธ์

เผยโฉม เรือเต่ายักษ์ ออกแบบเป็น เมืองลอยน้ำ มูลค่าเกือบ 3 แสนล้าน

งานออกแบบที่น่าตื่นตะลึง เรือเต่ายักษ์ ที่สร้างเป็นเมืองลอยน้ำสุดหรู ตั้งค่าก่อสร้างไว้สูงถึง 2.8 แสนล้านบาท

ข่าวออกแบบ  รายงานถึงการเปิดตัวโครงการก่อสร้างเรือลำยักษ์ ใหญ่ยิ่งกว่าซูเปอร์ยอชต์ หรือกิกะยอชต์ แม้ว่าช่วงเวลานี้เศรษฐกิจจะไม่เป็นใจเรือลำหรูที่มีรูปร่างคล้ายเต่าทะเล มีชื่อว่า พันจีออส มาจากคำว่า พันเจีย มหาทวีปเมื่อ 200 ถึง 335 ล้านปีก่อน บริษัทลาซซารินี (Lazzarini) เผยมูลค่าก่อสร้างสูงถึง 8,000 ล้านดอลลาร์ หรือราว 2.8 แสนล้านบาทการที่เรือมีมูลค่าแพงขนาดนี้ เพราะมีโครงสร้างใหญ่ที่สุดเท่าที่มีการก่อสร้างมา กล่าวคือมีความยาว 550 เมตร และกว้าง 610 เมตรองค์ประกอบในเรือนับว่าเป็นเมืองลอยน้ำเต็มรูปแบบ มีทั้งโรงแรม ช็อปปิ้งมอลล์ สวนสาธารณะ แม้กระทั่งท่าจอดเรือลำเล็ก และลานจอดเครื่องบินเล็กก็มีให้ลูกค้าไฮเอนด์สถานที่ต่อเรือเป็นที่พิเศษเช่นกัน เพราะเป็นที่ที่ไม่เคยทำมาก่อน ลาซซารินีโพสต์ว่าจะไปต่อเรือลำนี้ที่ซาอุดีอาระเบีย ใช้พื้นที่ก่อสร้างในทะเลราว 1 ตารางกิโลเมตร

เรือเต่ายักษ์ 22

เพื่อขุดร่องและสร้างเขื่อนล้อมรอบก่อนเริ่มต้นต่อเรือทีมออกแบบมองพื้นที่ไว้ว่าน่าจะเป็นท่าเรืออับดุลเลาะห์ 81 ทางเหนือของนครเจดดาห์ ซึ่งเป็นพื้นที่ที่เหมาะมาก

ข่าวออกแบบ แบบก่อสร้างจะเป็นเป็นบล็อก มีท่าเรือและพื้นที่หลักอยู่ตรงกลาง จากนั้นจึงขึ้นอาคารอื่นโดยรอบ ชั้นบนที่เป็นเหมือนกระดองเต่าจะล้อมรอบด้วยสวน และพื้นที่ลานบินให้เครื่องบินเล็กลงจอดส่วนพื้นที่อยู่อาศัยด้านล่างจัดแบ่งเป็น 30,000 ห้อง เพื่อรักษาโครงสร้างให้ลอยน้ำได้ ชั้นล่างสุดเป็นโครงสร้างเหล็กขนาดใหญ่ 30 เมตร เพื่อให้เรือขับเคลื่อนด้วยสปีด 5 นอต แม้ว่าส่วนตัวปีกจะดึงพลังงานไปบ้าง ส่วนหลังคาเรือติดแผงโซลาร์สำหรับจ่ายพลังงานไฟฟ้าให้เรือ บริษัท ลาซซารินีหวังว่าโครงสร้างนี้จะเริ่มต้นในปีค.ศ. 2033 และใช้เวลาสร้าง 8 ปี ตอนนี้อยู่ระหว่างการหาทุนก่อสร้าง 2.8 แสนล้านบาท

แนะนำข่าวออกแบบ อ่านเพิ่มเติมคลิ๊กเลย : SIAMJNK คลังสินค้ารูปโฉมใหม่ Boutique Warehouse ตอบโจทย์ธุรกิจแบบครบวงจร

พยายามเจียนตาย แต่สุดท้ายก็ไม่มีอะไรเปลี่ยน อาจเพราะทำบางทักษะหล่นหายไป ส่อง “The Lost Skills” แห่งโลกยุคใหม่ที่ขาดไม่ได้หากอยากอยู่รอด

ศ.ดร.นภดล ร่มโพธิ์ อาจารย์ประจำคณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และผู้เขียนหนังสือ “The Lost Skills”

ข่าวออกแบบ ไม่มีใครปฏิเสธได้จริง ๆ ว่าในช่วง 3 – 4 ปีมานี้โลกเปลี่ยนแปลงไปมาก แนวคิด ทัศนคติ กระแสสังคม พลิกจากหน้ามือเป็นหลังมือ ทักษะอาชีพที่เรียกได้ว่าเคยเป็นงานนอกกระแสกลับบูมอย่างคาดไม่ถึง ไม่ว่าจะเป็น ไรเดอร์ส่งอาหาร, TikToker, ขายของออนไลน์, นักเล่นหุ้น, นักเขียนนิยายออนไลน์ ฯลฯ หรือหลายคนก็ยังคงเกาะตำแหน่งเหนียวแน่นไม่ไปไหน ด้วยค่าตอบแทนเท่าเดิม ชีวิตแบบเดิม ทว่าต้องทนกับปัจจัยทางเศรษฐกิจที่แย่ลงเรื่อย ๆ ซึ่งเราก็จะได้เห็นว่าท่ามกลางสถานการณ์เหล่านี้ มีทั้งคนที่ประสบความสำเร็จกับการใช้ชีวิตอย่างมาก คนที่แค่พออยู่พอกิน ไปจนถึงด้านกลับก็คือคนที่ไม่ได้รับผลตอบแทนเป็นชิ้นเป็นอันจากการพยายามเอาชีวิตรอดในโลกยุคใหม่นี้เลย และกำลังเอาตัวรอดไปในแต่ละวันอย่างยากลำบากเจียนตายอะไรคือความแตกต่างระหว่างคนแต่ละประเภทในคนทั้งสามรูปแบบที่กล่าวไปข้างต้น แม้จะมีเรื่องดวงเข้ามาเกี่ยวทำให้แต่ละคนมีระดับความสำเร็จที่ต่างกันไป ถึงอย่างนั้น การมี ‘Soft Skills’ ก็ถือเป็นปัจจัยสำคัญอย่างหนึ่งเช่นกัน โดยงานวิจัยจากความร่วมมือระหว่างมหาวิทยาลัยฮาวาร์ด, มูลนิธิคาร์เนกี และศูนย์วิจัยสแตนฟอร์ด ระบุว่า 85% ของการทำงานที่มีประสิทธิภาพ เกิดจากการมี Soft Skills ที่ดี โดยหากขาด Soft Skills ไปก็จะทำให้มาตรฐานการทำงานลดลง ประสิทธิภาพในการผลิตนวัตกรรมใหม่ ๆ ลดลง และยังส่งผลกระทบต่อการผลิตบุคลากรใหม่ ๆ ในวงกว้างอีกด้วยภายในงาน SOFT SKILLS BOOTCAMP ครั้งที่ 1 “Work Life Enhance” มี Session หนึ่งที่ชื่อว่า The Lost Skills” ซึ่งมี ศ.ดร.นภดล ร่มโพธิ์ อาจารย์ประจำคณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และผู้เขียนหนังสือ “The Lost Skills” พาสำรวจทักษะชีวิตที่ใครหลายคนอาจหลงลืมหรือทำหล่นหายไปเสียแล้ว เป็นกุญแจสำคัญที่จะไขประตูสู่การอยู่รอด และการประสบความสำเร็จในโลกยุคใหม่เข้าใจว่าการเรียนไม่รู้จบท่ามกลาง Soft Skills นับพันที่ล่องลอยอยู่ตามโลกอินเทอร์เน็ตและหนังสือคู่มือพัฒนาตัวเอง ทักษะแรกที่ ศ.ดร.นภดลเลือกจะแนะนำกลับเป็นเรื่องเบสิค ไม่ต้องมีชื่อจำยากหวือหวาอย่าง “ทักษะการเรียนรู้” โดยได้ให้เหตุผลว่าในยุคสมัยที่ทุกอย่างเปลี่ยนไปเร็วเกินกว่าใครจะคาดคิด เรื่องที่เราเคยสอนเคยเรียนกันในคลาสทุกวันนี้ ปีหน้าอาจล้าสมัยไปเสียแล้ว ฉะนั้นทักษะที่จะซึมซับเรื่องราวใหม่ ๆ เข้ามาเติมเต็มสมองอยู่ตลอดเวลาจึงสำคัญ โดยการฝึกตัวเองให้รักการเรียนรู้ โดยหัวใจสำคัญคือการที่เราต้องรู้ว่า เรียนไปแล้วได้อะไร ความรู้ชุดนี้ใช้ประโยชน์ได้จริงไหม เพื่อทำให้การเรียนอะไรสักอย่างมีความหมาย

พยายามเจียนตาย 12

เลือกโฟกัสบางเรื่อง เพราะยากที่จะเก่งทุกเรื่องในเวลาเดียวกัน

ข่าวออกแบบ ในโลกนี้มีความรู้อยู่มากมายหลายศาสตร์ ซึ่งคนจำนวนไม่น้อยคิดว่าการได้มีคามรู้ติดหัวไว้ยิ่งมากยิ่งดี ดังคำกล่าว ‘Why Choose? When You Can Have Them All’ อยากเก่ง อยากได้ความรู้อะไรก็เลือกช็อปปิ้งแบบบุฟเฟต์จาก Google ไปเลยสิ ทว่าระดับความจำและศักยภาพในการทำความเข้าใจของมนุษย์ก็มีจำกัด หากเทียบกับองค์ความรู้ทั้งหมดที่มีอยู่รอบตัวในตอนนี้ เราจึงต้องมี “ทักษะการเลือก” เพื่อคัดกรองสิ่งที่ควรต้องเรียน และนำมาจัดลำดับความสำคัญเพื่อไม่ให้ตัวเอง Overload จนเกินไปจะดีกว่าหมั่นสร้างทักษะที่ไม่มีใครแทนที่ได้ยุคนี้เป็นยุคที่น่ากลัวสำหรับคนเก่ง เพราะไม่ว่าทักษะใดก็มีวี่แววว่าจะโดนปัญญาประดิษฐ์กับหุ่นยนต์เข้ามาแย่งงานได้ทุกเมื่อ ทั้งงานสายบัญชี, พิสูจน์อักษร, งานออกแบบ ไปจนถึงงานสายความคิดสร้างสรรค์อย่าง Creative Content หรือนักเขียนบทความ ก็มีข่าวว่ามีเอไอที่สามารถผลิตผลงานลักษณะนี้แทนมนุษย์ได้เช่นกัน ฉะนั้นการรับมือที่ดีที่สุดคือการ Up-Skill & Re-Skill อยู่เสมอ เพื่อสร้าง “ทักษะที่ไม่มีใครมาแทนได้” ให้เกิดขึ้นในตนเองได้ทิ้งท้ายว่าจากที่กล่าวมาทั้งหมดอาจไม่สามารถเกิดขึ้นจริงได้เลย หากคนเราขาดความเชื่อที่ว่า ตนนั้น ‘เรียนรู้และฝึกฝนได้’ ซึ่งนี่ก็ถือเป็นอีกหนึ่งทักษะสำคัญเช่นกัน ศ.ดร.นภดลเคยนิยามตัวเองว่าเป็น Introvert คนหนึ่ง คือไม่ชอบที่จะพูดต่อหน้าคนเยอะ ๆ ไม่ได้กล้าแสดงออก แต่ก็พัฒนาตัวเองจนกลายมาเป็นอาจารย์และนักจัดพอดแคสต์ในทุกวันนี้ได้ จากความรู้สึกที่อยากจะแบ่งปันความรู้และเรื่องราวดี ๆ ที่ตนได้พบเจอมากให้กับคนอื่น อะไรก็ตามที่เราเคยไม่เก่ง ไม่เคยทำได้มาก่อน หากได้ลองเปิดโอกาสเพื่อฝึกฝนตนเองดูก็อาจพัฒนาจนกลายเป็นทักษะที่มีประโยชน์ต่อตัวเองและโลกใบนี้ก็เป็นได้

แนะนำข่าวออกแบบ อ่านเพิ่มเติมคลิ๊กเลยQurated X ICONCRAFT สานฝันนักออกแบบไทยสู่เวทีโลก

บจ.เข็มเหล็ก รุกหนัก ดันบริษัทลูก ลุยงานบริการ

บริษัท เข็มเหล็ก จำกัด หรือ KEMREX ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายนวัตกรรมฐานรากสำเร็จรูปเข็มเหล็กโดยได้รับสิทธิบัตรการออกแบบผลิตภัณฑ์แต่เพียงผู้เดียวในประเทศไทย

ออกแบบ นวัตกรรมทางเลือกใหม่สำหรับงานก่อสร้างลงเข็มฐานรากโครงสร้างเบา เตรียมเดินหน้ารุกตลาดก่อสร้าง ดันบริษัทลูก บริษัท เข็มเหล็ก เน็กซ์ จำกัด ลุยงานบริการอย่างครบวงจร เพิ่มโซลูชั่นหาทางออกพร้อมเป็นที่ปรึกษาเคียงข้างลูกค้า หวังเพิ่มส่วนแบ่งการตลาด ตั้งเป้า 1 ใน 3 ของอุตสาหกรรมก่อสร้างด้านงานฐานรากไทย คุณประเสริฐ ธรรมมนุญกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เข็มเหล็ก จำกัด กล่าวว่า “KEMREX เราคือผู้นำด้านงานก่อสร้างฐานรากเข็มเหล็ก ซึ่งถือเป็นนวัตกรรมใหม่ที่เราเป็นผู้ผลิตและจัดจำหน่าย โดยได้รับสิทธิบัตรการออกแบบผลิตภัณฑ์แต่เพียงผู้เดียวในประเทศไทย จากประสบการณ์ด้านวิศวกรรมของบริษัทฯ ที่สั่งสมมากว่า 30 ปี เราได้นำนวัตกรรมนี้เข้ามาพลิกโฉมระบบงานวางฐานรากเสาเข็มของเมืองไทยและภาคพื้นเอเชีย ให้เรื่องที่เคยยุ่งยากกลายเป็นเรื่องง่าย โดยสามารถควบคุมได้ทั้งเรื่องของเวลาและค่าใช้จ่ายให้เป็นไปตามที่ต้องการได้อย่างแม่นยำ โดยปกติแล้วการวางฐานรากทั่วไปต้องมีการปรับพื้นที่ก่อนติดตั้งงาน ต้องขุด ต้องเทปูน ในขณะที่เข็มเหล็กไม่ต้องทำตามรูปแบบเดิม แต่ยังให้ความมั่นคงและมีความแข็งแรงสูง เหมาะสำหรับดินทุกประเภท แม้แต่ในหินที่มีแรงต้านสูง รวมทั้งยังได้รับการรับรองทางวิศวกรรมถึงมาตรฐานระดับสากลอีกด้วย เข็มเหล็กใช้หลักการทำงานที่แตกต่างจากระบบฐานรากแบบเดิม สามารถสกรูลงไปในดินที่แข็งแรงหรือแม้แต่บนหินได้ทันที รวดเร็วด้วยระบบ Telescopic เสมือนหลักการเติบโตของต้นไม้ที่มีรากชอนไชยึดเนื้อดิน อีกทั้งยังสามารถรับแรงในแนวดิ่งขึ้นได้อีกด้วย ใช้เวลาในการติดตั้งประมาณ 5 นาทีต่อเสา 1 ต้น ซึ่งถ้าเทียบกับระบบฐานรากแบบเดิมอาจใช้เวลาถึง 3 วัน ซึ่งจะช่วยประหยัดเวลาอย่างมาก”

“KEMREX เป็นที่รู้จักในอุตสาหกรรมก่อสร้างในภูมิภาคเอเชีย รวมถึงได้ก่อสร้างโรงงานเพื่อเป็นฐานการผลิตอย่างเต็มตัวในประเทศไทยเพื่อส่งออกไปทั่วภูมิภาคเอเชีย สำหรับปี 2565 นี้

ข่าวออกแบบ ภาพรวมตลาดก่อสร้างด้านงานฐานรากในประเทศไทยมีมูลค่าสูงถึง 66,000 ล้านบาท และการลงทุนก่อสร้างจากภาคเอกชนทั้งโครงการที่อยู่อาศัยและอสังหาริมทรัพย์เพื่อการพาณิชย์ มีแนวโน้มทยอยฟื้นตัวตามกำลังซื้อที่น่าจะปรับตัวดีขึ้นตามภาวะเศรษฐกิจ รวมถึงโครงสร้างพื้นฐานจากภารัฐที่คืบหน้ามากขึ้น ซึ่งคาดว่ามูลค่าการลงทุนก่อสร้างในปี 2566-2567 จะมีแนวโน้มเติบโตเฉลี่ย 4.5-5.5% KEMREX เชื่อมั่นว่าจะสามารถเพิ่มส่วนแบ่งทางการตลาดได้มากขึ้น โดยตั้งเป้า 1 ใน 3 ของอุตสาหกรรมก่อสร้างด้านงานฐานรากไทย” ด้าน คุณปวรุตม์ ธรรมมนุญกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เข็มเหล็ก เน็กซ์ จำกัด กล่าวว่า “จากประสบการณ์การทำงานด้านวิศวกรรมของผู้บริหาร บริษัท เข็มเหล็ก จำกัด ทำให้เราได้ทราบถึงปัญหาและความยุ่งยากของการวางระบบฐานรากในรูปแบบเดิมที่มีข้อจำกัดมากมาย อาทิ การเตรียมวางฐานราก ค่าใช้จ่ายของงาน ระยะเวลาการก่อสร้าง รวมถึงการจ้างแรงงานเพื่อวางระบบฐานราก และความเสียหายที่เกิดขึ้นกับพื้นที่ เป็นต้น ซึ่งลูกค้าหรือเจ้าของโปรเจ็คนั้นๆ จะเป็นผู้ที่ได้รับผลกระทบตามมาอย่างปฏิเสธไม่ได้ เราเล็งเห็นถึงปัญหาเหล่านี้ KEMREX NEXT จึงเกิดขึ้นเพื่อลุยงานบริการอย่างครบวงจร เราไม่ได้เป็นเพียงผู้ขายแต่เราจะเป็นมากกว่านั้น ซึ่งหลังจากที่ได้มีการทำวิจัยกับผู้บริโภคมาสักระยะ เราพบว่าจุดเด่นของ KEMREX NEXT คือการแก้ปัญหาโดยเฉพาะงานฐานราก เช่น พื้นที่เล็ก หรือพื้นที่ยาก ถือเป็นข้อจำกัดในการวางเสาเข็ม แต่เราสามารถเข้าไปช่วยเอาเสาเข็มลงได้ในตลอดระยะ 10 กว่าปีที่ทำมา จึงเกิดเป็นแนวคิด “Foundation Hero” ขึ้น”

แนะนำข่าวออกแบบ อ่านเพิ่มเติม คลิกเลย : ในหลวง พระราชินี ทรงเปิดอาคารศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์โฉมใหม่