ไม่อยากตกขบวน

ไม่อยากตกขบวน

เทคโนโลยี ปฏิเสธไม่ได้ว่าอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ช่วยอำนวยความสะดวกในชีวิตประจำวันจนเป็นเหมือนแขน-ขา อวัยวะสำคัญในร่างกาย หากขาดไปก็คงอยู่อย่างลำบาก ดังนั้น การขาดแคลน “ชิป” หรือ “เซมิคอนดักเตอร์” ที่เปรียบเสมือน “มันสมอง” ทำงานร่วมกับวัสดุอื่นๆในอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ ไม่ว่าจะเกิดจากการระบาดใหญ่ของโควิด-19 ปัญหาด้านห่วงโซ่อุปทาน หรือข้อพิพาทระหว่างประเทศ ที่ยังไม่มีสัญญาณของการฟื้นตัวในเวลาอันใกล้ จึงทำให้โลกปั่นป่วน ที่ญี่ปุ่นบริษัทชั้นนำ 8 แห่ง ได้แก่ โซนี่ ซอฟต์แบงก์ โตโยต้า มอเตอร์ เอ็นทีที ยักษ์ใหญ่ด้านโทรคมนาคม เอ็นอีซี เดนโซ่ คอร์ป และคีอ็อกเซีย บริษัทผู้ผลิตชิป ร่วมขันลงทุนรายละ 1,000 ล้านเยน หรือราว 255 ล้านบาท โดยมีธนาคารเอ็มยูเอฟจี สถาบันการเงินใหญ่สุดของญี่ปุ่น ลงเงินอีก 300 ล้านเยน หรือราว 76 ล้านบาท เพื่อเปิดบริษัทใหม่ “Rapidus” เพื่อวิจัยและพัฒนาชิปรุ่นใหม่ขนาดจิ๋ว 2 นาโนเมตร สามารถนำไปใช้กับเทคโนโลยี 5G ควอนตัมคอมพิวเตอร์ ฐานข้อมูลขนาดใหญ่ ยานพาหนะไร้คนขับ และเมืองดิจิทัลอัจฉริยะ เชื่อว่าสำคัญต่อความมั่นคงทางเศรษฐกิจและความสามารถในการแข่งขันทางอุตสาหกรรมของญี่ปุ่นและยังตั้งเป้าเริ่มการผลิตภายในปี 2570 นอกจากภาคเอกชนร่วมมือร่วมใจกันแล้ว ในส่วนของรัฐบาลญี่ปุ่นที่เล็งเห็นว่าเซมิคอนดักเตอร์มีบทบาทสำคัญ ช่วยพัฒนานวัตกรรมเทคโนโลยีหลากหลายไม่ว่าจะเป็นปัญญาประดิษฐ์ เทคโนโลยีควอนตัม ข่าวเทคโนโลยี อุตสาหกรรมดิจิทัล และเทคโนโลยีด้านสุขภาพ ยังมีอิทธิพลต่อการเปลี่ยนผ่านสู่ “สังคมดิจิทัล” และช่วยลดการปล่อยคาร์บอนอีกด้วย จึงจัดสรรงบประมาณเตรียมให้เงินอุดหนุนแก่ Rapidus เป็นเงิน 70,000 ล้านเยน (หรือราว 17,870 ล้านบาท) เพื่อให้ญี่ปุ่นสามารถผลิตชิปได้เอง ลดการพึ่งพาต่างชาติ ขณะเดียวกันยังจะจัดตั้งองค์กร Leading-edge Semiconductor Technology Center ภายในสิ้นปีนี้ โดยร่วมมือกับสหรัฐฯ เพื่อให้เป็นแพลตฟอร์มสำหรับการวิจัยและพัฒนาเซมิคอนดักเตอร์รุ่นต่อไป ก่อนหน้านี้ญี่ปุ่นเคยเป็นผู้นำการคิดค้นประดิษฐ์เทคโนโลยีที่ล้ำหน้า โดยเฉพาะเซมิคอนดักเตอร์ในช่วงทศวรรษ 1980 แต่ปัจจุบันกลับไล่ตามผู้ผลิตอย่างไต้หวันเกาหลีใต้ไม่ทัน ซึ่งปัจจุบันเป็นผู้นำในตลาดโลก ความเคลื่อนไหวดังกล่าวจึงถือเป็นความมุ่งมั่นพยายามอย่างไม่ย่อท้อของญี่ปุ่น ก็ต้องคอยลุ้นว่าจะถึงฝั่งดังใจหวังเมื่อไร

แนะนำข่าวเทคโนโลยี อ่านเพิ่มเติมคลิกเลย : ใครว่า คนสูงวัย ไม่ถนัดใช้ ดิจิทัล

ภาพเอกซเรย์ช็อก โชว์ก้อนปริศนาในกระเป๋า จนท. ตะลึงนี่มันเจ้าตูบ ลั่นทำแบบนี้ไม่ได้

ภาพเอกซเรย์ช็อก โชว์ก้อนปริศนาในกระเป๋า จนท. ตะลึงนี่มันเจ้าตูบ ลั่นทำแบบนี้ไม่ได้

สัตว์เลี้ยง เจ้าหน้าที่ช็อก เจอภาพไม่คาดคิดโผล่บนจอเอกซเรย์ เผยความลับเจ้าตูบถูกยัดใส่กระเป๋าเป้ เจ้าของหวังพาขึ้นเครื่องบินไปด้วย คนรักสัตว์ดราม่า รักน้องจะทำกับน้องแบบนี้ไม่ได้ หลังจากที่ก่อนหน้านี้โลกออนไลน์ได้ฮือฮากับข่าว เจ้าหน้าที่ประจำจุดตรวจที่สนามบินในสหรัฐฯ เจอภาพชวนอึ้งจากเครื่องเอกซเรย์กระเป๋า เผยให้เห็นเจ้าเหมียวจอมซนที่แอบมุดเข้ามาอยู่ในกระเป๋า โดยที่ทางเจ้าของกระเป๋าไม่รู้ตัวกันไปแล้ว จนกลายเป็นเรื่องฮา ๆ ชวนยิ้มของแมวส้มที่เกือบได้ไปผจญภัยต่างแดน ล่าสุด (7 ธันวาคม 2565) เว็บไซต์นิวยอร์กโพสต์ มีรายงานอีกเคสของเจ้าหน้าที่ประจำจุดตรวจของสนามบิน ที่พบภาพของสัตว์เลี้ยงผ่านเครื่องเอกซเรย์อีกครั้ง แต่ในครั้งนี้กลับไม่ใช่เรื่องน่ารัก ๆ เช่นครั้งก่อน แต่เป็นเรื่องที่ทำเอาคนรักสัตว์ถึงกับเดือด พากันเข้ามาวิพากษ์วิจารณ์สนั่นพร้อมเรียกร้องให้ลงโทษเจ้าของกระเป๋ารายนี้ เหตุการณ์ในครั้งนี้เกิดขึ้นเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ณ สนามบินประจำภูมิภาคเดนเคาน์ตี ในเมืองเมดิสัน รัฐวิสคอนซิน สหรัฐฯ ซึ่งเจ้าหน้าที่จากหน่วยรักษาความปลอดภัยด้านการเดินทางของหสรัฐฯ ได้โพสต์ข้อความผ่านทวิตเตอร์ TSA Great Lakes ระบุว่า มีสุนัขถูกส่งผ่านเครื่องเอกซเรย์มาด้วยความบังเอิญ พร้อมเตือนว่าผู้ที่ต้องเดินทางกับสัตว์ ขอให้แจ้งทางสายการบินให้ทราบ ศึกษากฎ และเมื่อถึงจุดตรวจก็ให้นำสัตว์เลี้ยงออกจากกระเป๋า จากนั้นก็ส่งสัมภาระทั้งหมด รวมถึงกระเป๋าเปล่า ๆ มาผ่านเครื่องสแกน จากภาพ เผยให้เห็นลูกสุนัขสีน้ำตามไม่ระบุสายพันธุ์ ถูกยัดอัดมาในกระเป๋าเป้ ที่ถูกรูดซิปปิด ซึ่งแม้ทางเจ้าหน้าที่จะไม่ได้ระบุว่าเจ้าของกระเป๋าจงใจลักลอบนำสัตว์เลี้ยงเข้ามา หรือแค่ลืมสุนัขไว้ในกระเป๋าเท่านั้น

แต่สิ่งที่เกิดขึ้นทำให้ชาวเน็ตรายอื่นเดือดดาลหนัก มองว่าการกระทำเช่นนี้คือการทารุณกรรมสัตว์

ข่าวสัตว์เลี้ยง “โอย เจ้าตูบที่น่าสงสาร” “เจ้าของสุนัขต้องติดคุก เพราะทำกับเด็กน้อยขนปุยของเธออย่างโหดร้าย” บางคอมเมนต์ยังชี้ว่าน่าจะจับเจ้าของสุนัขผ่านเข้าเครื่องเอกซเรย์เป็นการลงโทษด้วย ทั้งนี้ ชาวเน็ตบางส่วนมองว่าเจ้าของสุนัขรายนี้น่าจะพยายามหลีกเลี่ยงการจ่ายค่าธรรมเนียม ในการนำสุนัขเดินทางไปด้วยกัน แต่การนำสุนัขใส่ไว้ในเป้ที่ปิดสนิทเช่นนี้นับเป็นเรื่องที่ไร้มนุษยธรรม และคงไม่มีสายการบินไหนอนุมัติให้ใช้กระเป๋าแบบนี้ใส่สัตว์เลี้ยงแน่ ๆ
ขณะที่ต่อมา ทวิตเตอร์ TSA Great Lakes ยังได้โพสต์คลิปและข้อความ แนะนำคนที่ต้องการเดินทางร่วมกับสัตว์เลี้ยง ว่าหลังได้รับอนุญาตจากทางสายการบินแล้ว ให้ผู้โดยสารนำสัตว์เลี้ยงออกจากกระเป๋าสัตว์เลี้ยงที่จุดตรวจ นำกระเป๋าเข้าเครื่องเอกซเรย์ และอุ้มสัตว์เลี้ยงผ่านเครื่องตรวจจับโลหะ ก่อนจะนำสัตว์เลี้ยงใส่กลับเข้ากระเป๋าอีกครั้งเมื่อผ่านจุดตรวจนั้นแล้ว

แนะนำข่าวสัตว์เลี้ยง อ่านเพิ่มเติคลิกเลย : ช้างตัวใหญ่บุกพังต้นไม้หน้าบ้าน ก่อนเจอ… แทบหนีเข้าป่าไม่ทัน